ในยุคออนไลน์แบบนี้ที่ข้อมูลเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะมีเทคโนโลยีมากมายที่เข้ามาส่งผลให้ข้อมูลสามารถเข้าถึงได้สะดวกรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่ข้อมูลส่วนตัวทั้ง ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ช่องทางการติดต่อ แม้แต่พฤติกรรมการใช้งานของบุคคลนั้นๆ ก็ยังสามารถถูกเก็บไว้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วการใช้ Data เหล่านี้ในการทำการตลาด จึงได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของการทำการตลาดในยุคสมัยนี้

โดยเรียกกลยุทธ์การใช้ข้อมูลในการทำการตลาดแบบนี้ว่า Data-driven Marketing หรือการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล นั่นเอง

Data-Driven Marketing คืออะไร

Data Driven Marketing หรือ การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ก็คือ การบวนการที่ใช้ข้อมูลจากหลากหลายช่องทาง ทั้งข้อมูลที่ได้รับโดยตรงจากลูกค้า หรือได้รับผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ให้เกิดมุมมองที่ทำให้เกิดความเข้าใจถึงพฤติกรรมเชิงลึกของลูกค้านั่นเอง ที่สำคัญคือสามารถคาดเดาแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคตได้อีกด้วย ทำให้สามารถวางกลยุทธ์ได้ตรงกับลูกค้า

Data-Driven Marketing มีความสำคัญอย่างไร

Data-Driven Marketing มีความสำคัญ ดังนี้

1. Market Intelligence

คือการศึกษาข้อมูลเพื่อให้มีความเข้าใจในตลาด เข้าใจลูกค้า เข้าใจโอกาสทางธุรกิจนั่นเอง เช่นศึกษาขนาดของตลาด หรือศึกษาเทรนด์ของตลาด ณ ขณะนั้น

2. Segmentation & Insights

คือการนำข้อมูลมาหาข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้ได้มาซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมในการทำการตตลาด เพื่อให้สามารถเลือกใช้กลยุทธ์หรือแคมเปญที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้านั้นๆ

3. Performance Tracking & Decision Making

คือการเก็บข้อมูลและตัวชี้วัดต่างๆ เพื่อวัดผลลัพธ์และนำมาปรับปรุงพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อสนับสนุนการจัดสินใจต่างๆ

ประโยชน์ของ Data-Driven Marketing

ประโยชน์ของ Data-Driven Marketing

1. เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

คือการนำข้อมูลที่ได้มามาวิเคราะห์เพื่อต่อยอดในการทำการตลาดให้ตอบโจทย์กับลูกค้ามากขึ้น เพื่อให้เข้าใจถึงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่จะกลายมาเป็ฯลูกค้า รวมทั้งทำให้ลูกค้ากลายมาเป็นลูกค้าประจำโดยสามารถใช้ข้อมูลด้าน  Demographic และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย

2. ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

หากวัดผลลัพธ์จากข้อมูลได้ที่มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้สามารถวางแผนและตัดสินใจในการทำธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลากับการตลาดที่ไม่มีทิศทางที่ไม่แน่แน่นอน

3. ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์

สามารถใช้ข้อมูล หรือ Data ที่ได้มาจากการทำการตลาดออนไลน์จะช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

4. ตอบสนองกับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์

การทำ Data-Driven Marketing จะทำให้แบรนด์สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างทันที ส่งผลให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายมากขึ้น มีโอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น

5. รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

Data-Driven Marketing จะทำให้แบรนด์รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าต่อไปได้อย่างดี เนื่องจากมีการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบเจาะลึก ทำให้แบรนด์สามารถออกแบบสินค้า รวมไปถึงการบริการได้ตรงกับใจและความต้องการของลูกค้า

6. เพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดแบบ Omni channel Marketing

Omnichannel เป็นการทำการตลาดจากทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางออฟไลน์ เพราะฉะนั้นการใช้งานข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก และหากมีเครื่องมือช่วยเหลือในการเก็บข้อมูลที่ดีอย่าง ระบบสมาชิก ก็จะยิ่งทำให้สามารถทำการตลาดได้แบบ Performance marketing และทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงได้อย่าง Personalized marketing ผสานกันอย่างไม่ติดขัด

เทรนด์ปัจจุบันของ Data-Driven Marketing มีอะไรบ้าง

เทรนด์ปัจจุบันของ Data-Driven Marketing มีดังนี้

1. Privacy VS Personalization

แบรนด์ต่างๆ กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์การรวบรวมข้อมูลจากการเข้าใจลูกค้าดีขึ้นเป็นการเข้าใจลูกค้าให้ดีขึ้นไปอีก เนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลหรือ PDPA แบรนด์จึงพยายามที่จะได้รับเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นจากลูกค้าเท่านั้น ความไม่พอใจอย่างกว้างขวางของลูกค้าที่มีต่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Facebook แสดงให้เห็นว่าการเก็บข้อมูลที่มากเกินความจำเป็นส่งผลลบให้กับแบรนด์ได้

หากคุณต้องการรวบรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า ต้องอย่าลืมที่จะขออนุญาตและอย่าลืมแจ้งล่วงหน้าว่าจะใช้งานข้อมูลที่ได้มาอย่างไรด้วยวัตถุประสงค์ใด

2. Behavioral Data

ข้อมูลพฤติกรรมเป็นวิธีที่ได้จากการที่ลูกค้าโต้ตอบกับแบรนด์ และแหล่งที่มาทั่วไปของข้อมูลพฤติกรรม ได้แก่ เว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ การติดต่อฝ่ายช่วยเหลือ และแชทบอท

โดยทั่วไปข้อมูลประเภทนี้จะสร้างและจัดเก็บในรูปแบบของเหตุการณ์ ซึ่งหมายถึงการกระทำที่ดำเนินการโดยผู้ใช้แต่ละรายไป

3. Integration

ความหลากหลายของเครื่องมือบันทึกรวบรวมข้อมูลที่ให้บริการแก่เหล่านักการตลาดกำลังขยายตัว โดยบริษัทจำนวนมากใช้แพลตฟอร์มและแนวทางแก้ปัญหาที่หลากหลายสำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ เครื่องมือเก็บข้อมูลสามารถวัดค่าหลักได้หลากหลายทั้ง การเข้าชมเว็บไซต์ การดูหน้าเว็บ และอัตราการคลิกผ่าน เพื่อแสดงผลที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์

อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อมูลจำนวนมากที่ใช้งานอยู่ จึงจำเป็นต้องมีการผสานรวมข้อมูลและเครื่องมือกับแพลตฟอร์มที่ดีกว่านี้ เพื่อให้มีการส่งต่อของข้อมูลระหว่างระบบอย่างอิสระและลดความซับซ้อนลงไป

กลยุทธ์ในการทำ Data-Driven Marketing 

กลยุทธ์ในการทำ Data-Driven Marketing มีดังนี้

1. เป้าหมาย (Objective)

ขั้นตอนแรกและขั้นตอนที่สำคัญคือการตั้งเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้รู้ว่าจะต้องมีการเก็บข้อมูลอะไร ด้านใดบ้าง เพื่อวัตถุประสงค์นั้นๆ

2. การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า และประสบการณ์ลูกค้า (CRM/ CX)

การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นพื้นฐานในการทำการตลาดของแบรนด์ต่างๆอยู่แล้ว การพึ่งพาข้อมูลที่จำเป็นในการทำ CRM จึงจำเป็นอย่างมาก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ และสามารถทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงได้อย่างดี หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยได้ดีสุดๆนั่นก็คือ ระบบ CRM ที่ช่วยเรื่อง CRM โดยเฉพาะ และยังสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีค่าได้อีก

3. การวิจัยตลาด (Market Research)

การศึกษาการตลาด เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจเป็นกระบวนการในการทำความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภค รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆที่อาจจะส่งผลในการตัดสินใจของลูกค้า เพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดวางกลยุทธ์ในครั้งต่อไปให้ได้่ผลที่ดีมากยิ่งขึ้น

4. การพัฒนาคน (People Development)

การพัฒนาคน เป็นการมุ่งพัฒนาคนให้มีแนวคิดและทักษะที่พร้อมจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว และนอกจากนี้ยังต้องการให้มีผลลัพธ์ในการทำงานที่ดีมากยิ่งขึ้น

5. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)

เมื่อมีข้อมู,ที่ต้องการอย่างครบถ้วยแล้วนั้น ขั้นตอนต่อมาคือการนำข้อมูลที่ได้มามาวิเคราะห์เพื่อหาว่าธุรกิจต้องการที่จะรับรู้อะไร และรู้ไปเพื่อเหตุผลอันใด ทำให้สามารถเลือกรูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาอย่างเหมาะสม และทำให้ใช้กลยุทธ์การตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลที่ใช้ทำ Data-Driven Marketing มาจากไหน

ข้อมูลที่ใช้ทำ Data-Driven Marketing มาจากแหล่ง 3 แหล่ง ได้แก่

1. ข้อมูล 1st Party

1st Party คือ ข้อมูลที่ทางแบรนด์เป็นเจ้าของเอง เพราะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเองจากกลุ่มผู้ใช้งานหรือลูกค้าของแบรนด์เองโดยตรง

2. ข้อมูล 2nd Party

2nd Party คือ ข้อมูล 1st Party ของคนอื่นหรือแบรนด์อื่นที่มีการได้รับมาจากการซื้อโดยตรงหรือเป็น Partnership ทางธุรกิจกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ร่วมทางธุรกิจ

3. ข้อมูล 3rd Party

3rd Party คือ ข้อมูลที่ได้รับมาจากแหล่งภายนอก อาจจะเป็นกลุ่มธุรกิจหรือนิติบุคคลก็ได้ ที่รวมรวบข้อมูลขนาดใหญ่มาจากแพลตฟอร์มและเว็บไซต์ ล้วนำมาขายต่ออีกทอดหนึ่ง

เครื่องมือที่ช่วยในการเก็บข้อมูลเพื่อ Data-Driven Marketing

เครื่องมือที่ช่วยในการเก็บข้อมูลเพื่อ Data-Driven Marketing มีด้วยกันดังนี้

1. โปรแกรม POS

โปรแกรม POS เปรียบเสมือนผู้จัดการร้าน ที่จะคอยบันทึกข้อมูลการซื้อของลูกค้า ทั้งวันเวลา สิ่งที่ซื้อ จำนวนที่ซื้อ จำนวนเงินแต่ละครั้งในการใช้จ่ายของลูกค้า ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเชิงพฤติกรรมของลูกค้าที่สามารถนำมาวิเคราะห์ต่อยอดการตลาดได้อย่างดี

2. ระบบ CRM

ระบบ CRM เป็นระบบที่มุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ และยังช่วยกระตุ้นการซื้อซ้ำของลูกค้า นอกจากนี้ยังสามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลากหลายและเป็นระเบียบทำให้ง่ายในการนำข้อมูลมาใช้งาน

3. ระบบสะสมแต้ม

ระบบสะสมแต้ม เป็นระบบที่เน้นการกระตุ้นลูกค้าให้กลับมาจับจ่ายอีกครั้งด้วยการแลกคะแนนสะสมกับของรางวัล นอกจากนี้ยังสามารถเก็บข้อมูลที่มีค่าให้กับคุณได้อย่างง่ายดาย

4. ระบบสมาชิก

ระบบสมาชิก เป็นระบบที่ทำให้การจัดการสมาชิกหรือลูกค้าของร้านค้าของคุณสะดวกมากยิ่งขึ้น มีการปรับระดับของกลุ่มเพื่อรับสิทธิพิเศษที่มากขึ้น และยังสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างดี

5. Google Analytics

Google Analytics ทำให้แบรนด์หรือร้านค้าสามารถเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้นด้วยการอ่านและเก็บข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ของร้าน ทั้งจำนวนคนเข้าเว็บ จำนวนครั้งที่ชม แหล่งที่มาของทราฟฟิค นอกจากนี้ยังสามารถเก็บข้อมูลอย่าง เพศ อายุ แหล่งที่อยู่ และความสนใจได้อีกด้วย

การวิเคราะห์ข้อมูลในการทำ Data-Driven Marketing

การวิเคราะห์ข้อมูลในการทำ Data-Driven Marketing นั้นที่จริงแล้วเป็นการนำศาสตร์ของการวิเคราะห์ข้อมูลมาประยุกต์ใช้สำหรับด้านการตลาดโดยเฉพาะ มีกระบวนการดังนี้

  • เก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น
  • วิเคราะห์ข้อมูลที่มี เพื่อจัดระเบียบ และจัดกลุ่มของข้อมูล
  • ทำความเข้าใจในข้อมูลที่มี เชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของข้อมูลแต่ละชุด
  • จากชุดข้อมูลที่ได้มา นำมาวิเคราะห์ต่ออีกทำให้่สามารถเข้าใจถึงปัญหาได้และกลายมาเป็นข้อมูลเชิงลึก
  • การเข้าใจข้อมูลเชิงลึกสามารถนำมาใช้งานได้จริง เพื่อช่วยให้เกิดการตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นและแม่นยำมากขึ้น
  • นำข้อมูลเชิงลึกและความเข้าใจในข้อมูลมารวมกันกลายเป็นกลยุทธ์
  • นำกลยุทธ์มาลงมือทำจริงและวัดผล เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อร้านค้าและแบรนด์

ตัวอย่าง (Case Studies) ในการทำ Data-Driven Marketing

1. Spotify

Music Streaming ที่มีการนำเครื่องมือมาวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้งาน และสร้างการแนะนำเพลงหรือเพลย์ลิสต์ที่คิดว่าผู้ใช้น่าจะสนใจ

Case study การทำ Data-Driven marketing ของ Spotify

2. Netflix

Movie Streaming เจ้าใหญ่ ใช้กลยุทธ์การผสมผสานทั้งศาสตร์ของ Data & Psychology ด้วยข้อมูลและบุคลิกความชอบในการนำมากระตุ้นผู้ใช้งาน

Case study การทำ Data-Driven marketing ของ Netflix

3. Amazon

เทพเจ้าแห่งวงการอีคอมเมิร์ซใช้เครื่องมือในการเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งานว่ามีความสนใจในเรื่องใด สินค้าใด ประวัติการซื้อ และมีการแนะนำสินค้าที่คิดว่าน่าจะชอบหรือเกี่ยวข้องให้กับลูกค้า

Case study การทำ Data-Driven marketing ของ Amazon

4. McDonald’s

แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง มีการนำสภาพอากาศ สภาพการจราจร และช่วงเวลา ณ ขณะนั้นๆเพื่อมาทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง สำหรับการขายแบบ Drive-Thru และ Delivery เช่น หากอากาศร้อนก็จะแนะนำสินค้าเป็นไอศครีมนั่นเอง

Case study การทำ Data-Driven marketing ของ McDonald

5. Target.com

ห้างสรรพสินค้าชื่อดังจากอเมริกา มีการจ้างนักสถิติเพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในการซื้อของ เพื่อทำนายสินค้าที่ลูกค้าน่าจะซื้อในครั้งถัดไปอย่างแม่นยำ

Case study การทำ Data-Driven marketing ของ Target.com

คำถามอื่น ๆ เกี่ยวกับ Data-Driven Marketing

1. คุณภาพของข้อมูล (Data Quality) ยังคงสำคัญหรือไม่

คุณภาพของข้อมูลมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะคุณภาพยิ่งดีก็จะยิ่งทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

2. ความท้าทายในการทำ Data-Driven Marketing มีอะไรบ้าง

  • การจัดเก็บข้อมูล
  • การวิเคราะห์ข้อมูล
  • การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมมาช่วย
  • การนำไปใช้งานจริง

3. ทำไมองค์กรที่ใช้ Data-Driven Marketing ถึงประสบความสำเร็จมากกว่า

เพราะมีความเข้าใจในตัวของลูกค้ามากกว่าด้วยข้อมูลเชิงลึกที่มีผ่านการวิเคราะห์ทางการตลาดเพื่อให้ได้กลยุทธ์ที่ดีที่สุด

4. ทำไม CX ยังคงสำคัญในการทำการตลาดแบบ Data-Driven

เพราะประสบการณ์ของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อ หากประสบการณ์ดีก็จะมีโอกาสในการซื้อได้ง่ายและสามารถกระตุ้นให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำได้ง่ายเช่นกัน

สรุปเกี่ยวกับ Data-Driven Marketing

Data Driven Marketing เป็นการบวนการที่ใช้ข้อมูลจากหลากหลายช่องทาง ทั้งข้อมูลที่ได้รับโดยตรงจากลูกค้า หรือได้รับผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ให้เกิดมุมมองที่ทำให้เกิดความเข้าใจถึงพฤติกรรมเชิงลึกของลูกค้านั่นเอง การทำการตลาดในรูปแบบนี้ต้องอาศัยเครื่องมือและนักการตลาดที่มีความรู้ความสามารถในระดับหนึ่ง และ Rocket ระบบสมาชิก หรือ https://www.rocket.in.th/membership-crm/ ของเราก็สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้อย่างดี ด้วยบริการ รับทำการตลาดออนไลน์ และ รับยิงแอด ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ หากสนใจท่านสามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลา


Contact Image

Rocket Loyalty CRM

เพิ่มยอดขายและลูกค้าประจำด้วย Rocket Loyalty CRM บริหารและแบ่งระดับสมาชิก สร้างของรางวัล คูปองและกระตุ้นยอดขาย ประทับใจลูกค้าไม่แพ้บริษัทยักษ์ใหญ่